RPA ย่อมาจาก Robotic Process Automation คือ การใช้ซอฟต์แวร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานแทนมนุษย์ในกระบวนการธุรกิจหรืองานที่ซ้ำซาก โดย RPA จะทำงานตามกฎหมายหรือกำหนดการที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยไม่ต้องการความรู้หรือความเข้าใจซับซ้อน และสามารถทำงานกับแอปพลิเคชันและระบบที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในกระบวนการทำงาน RPA มักจะทำการจำลองการกระทำของมนุษย์ในรูปแบบของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยสามารถทำงานกับข้อมูลในหลายระบบและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างการใช้ RPA ได้แก่การป้อนข้อมูลในระบบบัญชี การสร้างรายงานอัตโนมัติ การดำเนินกระบวนการอนุมัติเอกสาร หรือการดำเนินการในระบบสื่อสารอีเมล์อัตโนมัติ มีการนำ RPA มาใช้งานในหลายธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงานแบบมนุษย์ในระยะเวลาอันสั้นด้วยความถูกต้องและความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการใช้ RPA
การใช้ Robotic Process Automation (RPA) มีข้อดีหลายประการ รวมถึง:
1. เพิ่มประสิทธิภาพ: RPA ช่วยลดเวลาในการดำเนินการงานที่ซ้ำซากและต้องการเสริมความสำคัญของความถูกต้อง เช่น การป้อนข้อมูล การดำเนินการทางการเงิน เป็นต้น โดยที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง และไม่มีความผิดพลาด
2. ลดความผิดพลาด: การใช้ RPA ช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากปัญหาของมนุษย์ เนื่องจากซอฟต์แวร์มีความถูกต้องและไม่มีการละเว้นข้อมูล
3. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การทำงานด้วย RPA ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินการและลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน
4. ความยืดหยุ่น: RPA สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของธุรกิจ และสามารถใช้กับหลายประเภทของงานได้ เช่น งานที่มีระบบที่แตกต่างกันก็สามารถใช้ RPA เพื่อทำงานได้
5. ประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล: RPA ช่วยให้สามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการดำเนินการเป็นเวลาและไม่มีข้อผิดพลาด
6. ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว: RPA มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานโดยทันทีตามความต้องการหรือการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ
โดยรวมแล้ว RPA เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของธุรกิจและลดความซ้ำซากและความผิดพลาดในกระบวนการทำงาน