อาการปวดหัวหรือไมเกรนที่เป็นซ้ำ ๆ มักทำให้หลายคนต้องพึ่งยาแก้ปวดเป็นประจำ แต่เมื่อเวลาผ่านไป บางคนเริ่มรู้สึกว่ากินยาแล้วไม่ค่อยช่วย หรืออาการปวดกลับมาเร็วขึ้นกว่าเดิม ภาวะนี้เรียกว่า “ดื้อยาแก้ปวด” ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายต้องการแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป แล้วคนที่ดื้อยาแบบนี้ เหมาะกับการฉีดยาแก้ไมเกรนหรือไม่ บทความนี้จะช่วยอธิบายให้เข้าใจค่ะ
ดื้อยาแก้ปวด คืออะไร?
ภาวะดื้อยาแก้ปวด มักเกิดจากการใช้ยาแก้ปวดบ่อยเกินไปหรือใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้สมองไวต่อความเจ็บปวดมากขึ้น และอาจเกิดภาวะ “ปวดหัวจากการใช้ยาเกินขนาด” ทำให้ปวดหัวถี่ขึ้น แม้จะกินยามากขึ้น แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นตามที่หวัง
ในผู้ป่วยไมเกรน ภาวะนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ปวดหัวหลายวันต่อเดือน และต้องพึ่งยาแทบทุกครั้งที่มีอาการค่ะ
การฉีดยาแก้ไมเกรนต่างจากยาแก้ปวดอย่างไร?
ยาแก้ปวดทั่วไปจะช่วยบรรเทาอาการเฉพาะหน้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของไมเกรน ในขณะที่ การฉีดยาแก้ไมเกรน เป็นการรักษาเชิงป้องกัน โดยออกฤทธิ์กับสาร CGRP ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญของอาการไมเกรน
ข้อดีของการฉีดยาแก้ไมเกรน
- ช่วยลดความถี่ของการปวดหัว
- ลดความรุนแรงของอาการ
- ลดความจำเป็นในการใช้ยาแก้ปวดบ่อย ๆ
- เหมาะกับผู้ที่ดื้อยาแบบเดิมหรือมีไมเกรนเรื้อรัง
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดยาแก้ไมเกรน
- ปวดหัวหรือไมเกรนบ่อยกว่า 4–8 ครั้งต่อเดือน
- ใช้ยาแก้ปวดแล้วได้ผลน้อยลงหรือไม่ค่อยได้ผล
- มีผลข้างเคียงจากการกินยาในระยะยาว
- อาการปวดหัวกระทบต่อการทำงานและคุณภาพชีวิต
การตัดสินใจฉีดยาจะต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ เพื่อเลือกชนิดยาและความถี่ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลค่ะ
สำหรับผู้ที่ดื้อยาแก้ปวด การฉีดยาแก้ไมเกรน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยดูแลอาการจากต้นเหตุ ไม่ใช่แค่บรรเทาเฉพาะหน้า และยังช่วยลดการพึ่งพายาแก้ปวดในระยะยาวได้ หากคุณรู้สึกว่าปวดหัวบ่อยขึ้นหรือยาเดิมเริ่มไม่ตอบโจทย์ การปรึกษาแพทย์คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดค่ะ
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกการรักษาไมเกรนที่เหมาะกับตัวเอง H8 Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลด้วยแนวทางการรักษาที่ทันสมัย รวมถึงบริการฉีดยาแก้ไมเกรน ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพื่อช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมากขึ้นค่ะ