ในยุคที่ราคาทองคำผันผวนรายวัน หลายคนที่มีทองติดบ้านมักตั้งคำถามว่า “ตอนนี้ควรเก็บไว้ หรือขายออกไปก่อนดี?” โดยเฉพาะผู้ที่ถือทองรูปพรรณ การรู้จังหวะที่เหมาะสมในการขายทองรูปพรรณ จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต่างเพียงไม่กี่บาทต่อกรัม ก็อาจหมายถึงส่วนต่างกำไรหรือขาดทุนได้เลยค่ะ
1. ติดตามราคาทองอย่างใกล้ชิด
หัวใจของการขายทองคือ “จับจังหวะให้ถูก” ควรเช็ก ราคาทองรูปพรรณ จากสมาคมค้าทองคำทุกวัน เพราะราคาทองมีการปรับขึ้นลงวันละหลายรอบ หากเห็นแนวโน้มราคาทองปรับขึ้นต่อเนื่องหลายวัน และอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงเฉลี่ยก่อนหน้า นั่นอาจเป็นช่วงที่เหมาะสมในการขายทำกำไ
เคล็ดลับ:
- ติดตามข่าวเศรษฐกิจโลก เช่น ดอกเบี้ยสหรัฐ หรือค่าเงินบาท ซึ่งส่งผลต่อราคาทองโดยตรง
- ใช้แอปหรือเว็บไซต์ของร้านทองที่อัปเดตราคาเรียลไทม์ เพื่อช่วยตัดสินใจได้รวดเร็ว
2. พิจารณาส่วนต่างระหว่าง ราคารับซื้อ และ ราคาขายออก
คนส่วนใหญ่มักดูแค่ราคาทองขึ้นหรือลง แต่ลืมดู “ส่วนต่างราคาซื้อ–ขาย” ซึ่งสำหรับทองรูปพรรณมักจะอยู่ราว 1,000–1,500 บาทต่อบาททอง และยังมีผลจาก “ค่ากำเหน็จ” ที่ไม่ได้คืนตอนขาย
ดังนั้น ก่อนจะ ขายทองรูปพรรณ ควรคำนวณให้ชัดเจนว่าราคาทองปัจจุบันหักค่ากำเหน็จแล้ว ยังมีกำไรหรือไม่ ถ้าราคาทองขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่อัตราส่วนต่างยังสูง อาจรออีกสักระยะเพื่อให้คุ้มค่ามากขึ้น
3. ดูจังหวะเศรษฐกิจและค่าเงินบาท
ในช่วงที่ค่าเงินบาท “อ่อนค่า” ราคาทองในประเทศมักจะปรับสูงขึ้น เพราะไทยนำเข้าทองคำเป็นหลัก จึงใช้เงินบาทมากขึ้นในการซื้อทองในตลาดโลก ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะกับการขายทำกำไร
ในทางกลับกัน หากเงินบาทแข็งหรือราคาทองโลกลดลง อาจรอจังหวะให้ตลาดกลับตัวก่อน เพื่อให้ได้ราคาขายที่ดีกว่า
การจะตัดสินใจขายทองรูปพรรณ ให้ได้ราคาดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของจังหวะ ความเข้าใจตลาด และการติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ลองสังเกตแนวโน้มราคาทองในแต่ละช่วง เปรียบเทียบส่วนต่างราคาซื้อ–ขาย และอย่าลืมคำนวณค่ากำเหน็จให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หากเลือกจังหวะได้ถูก ก็สามารถเปลี่ยนทองที่มีอยู่ให้กลายเป็นกำไรได้จริงค่ะ